Contact Us ติดต่อเรา
TELEPHONE
02-275-8227, 099-296-5389

การศึกษาเพื่อการนำออกจากความทุกข์ และปัญหาทั้งมวล

ฟูเฟื่อง อินทรสมบัติ

การศึกษาเพื่อการนำออกจากความทุกข์ และปัญหาทั้งมวล

การศึกษาเพื่อสร้างชาติ ยุติความรุนแรง ดำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ

ย่อมเป็นที่ทราบกันดีของคนไทยโดยทั่วไปว่า สถาบันหลักของชาติไทย คือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาติไทยมาช้านาน ตราบอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ในขณะนี้คนไทยเริ่มรู้สึกชัดเจนว่า สถาบันหลักทั้ง 3 กำลังอยู่ในสภาวะล่อแหลมต่ออันตราย กำลังถูกบ่อนทำลายทั้งต่อหน้าและลับหลัง  สถานบันศาสนาเห็นชัดมานานว่า คนไทยยังเกาะติดอยู่ที่เปลือก คือ พิธีกรรม พิธีการและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าถึงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และยังไม่สามารถนำหลักธรรมมาปฏิบัติให้เกิดเป็นสังคมชาวพุทธที่ดีงามได้  สถาบันกษัตริย์ถูกละเมิดอย่างรุนแรงทุกรูปแบบ เป็นแบบจัดตั้ง มุ่งร้ายอย่างเปิดเผยทั้งด้วยกาย วาจา และการกระทำที่ละเมิดพระราชอำนาจ ส่วนสถาบันชาติ ชาติคือมวลเหล่าประชาชนคนไทยในแผ่นดินนี้ ดังที่เพลงชาติไทยที่ว่า ประเทศรวมเลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วนก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าประชาชนไทยขณะนี้มีการแตกแยกความสามัคคี แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งพฤติกรรมของคนไทยในสังคม หลงใหล เพลิดเพลิน ใช้ชีวิตอยู่ในกระแสวัตถุนิยมและเทคโนโลยี ติดกับดักอบายมุข สิ่งเสพติด ชีวิตไม่ได้อยู่ในกรอบของศีลและธรรมอันดี พฤติกรรมการแสดงออกด้วยความก้าวร้าวทั้งกาย วาจา และใจ ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหา ขาดความคิดวิจารณญาณ เชื่อและชักจูงได้ง่าย

เหล่านี้คือ สภาพที่เกิดขึ้นในสังคมไทย สิ่งใดเป็นเหตุปัจจัยของสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น ระบบการศึกษาของชาติไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในการผลิตประชากรของชาติได้ เพราะการศึกษาคือเครื่องมือสร้างคน สร้างชาติ โดยตรง

การศึกษาเพื่อนำเด็กเข้าถึงหัวใจพระพุทธศาสนา

การศึกษาเพื่อส่งเสริมเอกภาพ และอัตลักษณ์ของความเป็นไทย

ระบบการศึกษาไทยในยุคประชาธิปไตย ยังคงสอนได้เพียงอ่านออกเขียนได้คิดคำณวนเป็น และมีอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ไม่ก็เพียงยกสถานภาพของคนบางกลุ่มบางคนให้มีโอกาสที่ดีขึ้น ติดสุขสะดวกสบาย กินอยู่อย่างสูง ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาหล่อเลี้ยงชีวิตอย่างไม่รู้จักพอเพียง เอารัดเอาเปรียบ เกิดความเลื่อมล้ำทางชนชั้น คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน คิดอะไรไม่พ้นตัวเองเป็นหลัก มักใหญ่ ใฝ่สูง ใฝ่อำนาจ อยากเป็นเจ้าขุน มูลนายและ นายทุนมากกว่าเป็นมนุษย์ที่เสียสละ มนุษย์ที่เพียงพอ ไม่รักส่วนรวมและท้องถิ่น

ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากการที่ระบบการศึกษาไม่สามารถถ่ายทอดจิตสำนึกที่เข้าถึงธรรม เข้าถึงชาติได้ ผู้เรียนขาดรากเหง้าของวัฒนธรรมไทยที่มีสติเป็นรากฐานผสมผสานหลักธรรมทางศาสนา ขาดความสงบเย็น ความเมตตา เอื้ออาทร รักผู้อื่น การศึกษาไม่เข้าถึงชีวิตและสังคม ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวรถูกต้อง และไม่สามารถดับทุกข์ของใจที่ขาดอิสรภาพได้  สรุปได้ว่าการศึกษาไม่ได้พาคนไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทางร่วมกัน นั่นคือ ความเป็นชาติที่มีสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดังที่กล่าวมาแล้ว ผลิตผลจากการศึกษานั้นได้สร้างปัจเจกชนที่ต่างคนต่างอยู่ แก่งแย่งชิงดี แข่งรวยแข่งเก่ง แสวงหาไขว่คว้าอำนาจและความสุขเพื่อตัวเองที่หาซื้อได้ด้วยเงิน โดยไม่รู้ว่าความสุขที่แท้จริงนั่นคืออะไร หาได้จากที่ใด เราจึงได้มนุษย์พันธุ์ที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อนร่วมชาติ

            ทำอย่างไรการศึกษาจึงจะผลิตมนุษย์พันธุ์ใหม่ มนุษย์ที่รักผู้อื่นไม่เห็นแก่ตัว

            กับดักของการศึกษาในสังคมไทยติดอยู่ที่การพัฒนาคนได้แค่ระดับดี ดีในความหมายเพียงตั้งใจเรียนดี เรียนเก่ง ขยัน ซึ่งเป็นการมุ่งดีเพียงแค่ตนเอง ยังไม่สามารถทำตนให้ล่วงพ้นจากปัญหาและความทุกข์ได้ ยังคงยึดตัวตนเป็นหลัก ดังนั้นการศึกษามุ่งแค่ดีไม่เพียงพอต่อการจะแก้ไขปัญหาทั้งของตนเอง ผู้อื่นและสังคม

การศึกษาเพื่อส่งเสริมเอกภาพและอัตลักษณ์ของความเป็นไทย

ต้องมีธรรมะเป็นหลัก

            ถ้าพิจารณาดูสถานบันหลักทั้ง 3 สถาบัน จะเห็นว่าถูกยึดโยงไว้ด้วยหลักธรรมทางศาสนา พระมหากษัตริย์ทรงใช้ทศพิศราชธรรม ประชาชนอยู่อย่างสุขสงบ ด้วยความรักใคร่สามัคคี มีศีลมีธรรม ดังนั้นสถาบันศาสนาจึงเกี่ยวเกาะความเป็นชาติให้ดำรงอยู่ดัวยความมั่นคง แต่ตามจริงแล้วปัญหาของสถาบันศาสนาก็มีมากไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน การบริหารจัดการขององค์กรทางศาสนาทุกระดับ ไม่สามารถสร้างคนให้มีจิตวิญญาณของมนุษย์ที่มีจิตใจสูงตามพระประสงค์ของพระพุทธเจ้าได้  คนไม่สามารถเข้าถึงหัวใจของพระพุทธศาสนา ไม่ได้ลิ้มรสพระธรรมเหมือนปลูกไม้ผลไม่ได้กินผล เลี้ยงไก่ไม่ได้กินไข่

            การจะสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่ได้ จะต้องให้การศึกษาที่ทำคนเข้าถึงหัวใจศาสนาเท่านั้น ตามหลักโอวาทปาฏิโมกข์ที่ว่า ไม่ทำชั่ว ทำแต่ความดี ทำจิตให้บริสุทธิ์เป็นแนวทางที่จะทำให้การศึกษาไม่ติดอยู่แค่ระดับการทำความดี แต่ต้องยกระดับถึงการมีธรรมะระดับสูงที่ทำให้จิตใจสะอาด สว่าง สงบ จึงจะสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ศักดิ์ศรีของความมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ฐานะ ยศฐาบรรดาศักดิ์ หรือปริญญาใดๆ คนที่พัฒนาถึงระดับนี้เท่านั้นที่จึงจะเป็นมนุษย์ที่รักผู้อื่น มีจิตสาธารณะ หลุดพ้นจากปัญหาของตนเอง พร้อมที่จะอุทิศแรงกายและแรงใจเพื่อผู้อื่นและสังคมอย่างแท้จริง เราต้องการมนุษย์เช่นนี้ใช่หรือไม่

            การศึกษาที่นำเด็กเข้าถึงหัวใจพระพุทธศาสนา จึงเป็นคำตอบสุดท้ายของสังคมไทย การศึกษาที่จะสร้างความเข้มแข้งสร้างเอกภาพสร้างชาติได้ต้องประกอบขึ้นด้วยธรรม ความเป็นธรรม ความยุติธรรมอันเป็นรากของสังคมประชาธิปไตย จึงจะเกิดขึ้นได้จริงในสังคมไทย

            การศึกษาที่นำเด็กเข้าถึงหัวใจพระพุทธศาสนาเป็นเช่นไร คำตอบก็คือ เป็นการศึกษาที่ทำให้ผู้เรียนรู้เท่าและแก้ทันต่อกระแสอารมณ์ภายนอกที่เข้ามากระทบจิตใจ สามารถตั้งรับได้ด้วยจิตที่มั่นคง มีสติพิจารณาเท่าทัน และกระทำการตอบโต้ได้อย่างเหมาะสมตามเหตุ ผล ตน ประมาณ กาล บุคคล และชุมชน จึงดำรงตนอยู่ในกระแสแห่งความพอเพียงด้วยความคิดเห็นที่ถูกต้อง การกระทำที่ถูกต้อง และจิตวิญญาณที่ถูกต้อง หลุดพ้นจากอำนาจครอบงำของกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ทำให้มีอุปาทานในเรื่องของตัวตนของตนน้อยลง ความเห็นแก่ตัวก็ลดลงตามลำดับ ยิ่งลดลงมากเท่าใดก็มีความทุกข์น้อยลงเท่านั้น มีความสุขสงบเย็นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจ ดังเรื่องจริงที่เกิดขึ้นคือ 

            “น้องพร เป็นเด็กที่อยากดี อยากเก่ง มีสมาธิตั้งใจเรียนสม่ำเสมอ จนติดดีเพราะได้รับคำชมเชยจากทุกคน และได้รับรางวัลเสมอมา แต่น้องเพชรไม่อยากให้คนอื่นดีเท่าตัว เมื่อใดที่เพลี้ยงพล้ำ น้องพรจะเสียใจ เศร้า บางครั้งร้องไห้อยู่บ่อยๆ ถ้าทำแล้วไม่ได้ดีสมใจ ครูจึงบอกพรว่า คนเราไม่ต้องดีและเก่งคนเดียวเสมอไป เราอาจพลาดพลั้งได้ แต่เมื่อทำให้ดีที่สุดก็ควรพอใจผลที่ได้รับ และการที่คนอื่นดีและเก่งเหมือนตัวก็ทำให้เรามีความสุขได้เช่นเดียวกัน ครูสอนให้พรเป็นคนดี คนเก่ง ครูก็มีความสุขมาก ถ้าพรสอนเพื่อนให้เก่งเหมือนพร พรก็จะมีความสุขมากเหมือนครูเช่นกัน พรใช้เวลาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ในเวลานานพอควรที่จะปรับจิตตนได้ว่าการเก่งคนเดียวนั้นเป็นทุกข์ ความรักผู้อื่นคือความสุขที่แท้จริง ในวันสุดท้ายของปีการศึกษา มีการแข่งว่ายน้ำ พรว่ายน้ำแข่งกับปอ พรนำลิ่ว เพราะปอเป็นเด็กพิเศษที่มีปัญหาเรื่องพัฒนาการของร่างกาย ครูถามพรว่าจะรอปอไหมนี่ พรว่ายน้ำกลับไปหาปอและว่ายแบบออมแรงเมื่อถึงระยะ 2 เมตรสุดท้ายพรจับมือของปอเข้าเส้นชัยพร้อมกัน สีหน้าของพรมีความสุขมาก พรได้พัฒนาเป็นมนุษย์ที่บริบูรณ์ในความคิดของครูและจากนั้นมาพรก็เอื้ออาทรต่อเพื่อนๆเสมอมา”

            การศึกษาที่นำเด็กเข้าถึงหัวใจพระพุทธศาสนาจึงเป็นทางออกของสังคมไทย ที่มี ความเสื่อมโทรมทางด้านคุณธรรมอย่างหนักหนา ถึงแม้จะต้องอาศัยระยะเวลาช่วงหนึ่งของระบบการศึกษาแต่ก็คุ้มค่าที่จะรอคอย เพราะเป็นการศึกษาที่ให้ผลถาวรและยั่งยืน การศึกษาที่นำคนออกจากความทุกข์ และปัญหาทั้งมวล สร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่สังคมไทย การเข้าถึงหัวใจพระพุทธศาสนาจะทำให้เด็กเห็นองค์รวมของธรรมะคือธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพึ่งพากันและอาศัยกัน เด็กจึงรู้คุณค่าและบุญคุณของสรรพสิ่ง โดยเฉพาะสถาบันหลักทั้ง 3 ซึ่งเป็นรากฐานของชาติไทย การศึกษาที่นำเด็กเข้าถึงหัวใจพระพุทธศาสนาจึงเป็นการศึกษาที่เข้าถึงสันติสุข สันติภาพ และอิสรภาพที่แท้จริง